ตำนานการ์กอยล์(Gargoyle) ประติมากรรมสัตว์ประหลาดแห่งศิลปะโกธิค
หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ทวีปยุโรป บางครั้งขณะที่คุณกำลังเดินเตร่ตามท้องถนนเพื่อชมสถาปัตยกรรมอาคารโบสต์วิหาร ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่งดิฌง วิหารนอเตรอดาม แห่งกรุงปารีส หรือวิหารแห่งชาติ ณ กรุงวอชิงตัน คุณอาจจะมีความรู้สึกว่ากำลังมีบางสิ่งกำลังจ้องมองคุณอยู่ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ "การ์กอยล์" ประติมากรรมแห่งศิลปะโกธิค (Gothic Art)
การ์กอยล์ประจำวิหารนอเตรอดาม แห่ง กรุงปารีส
ที่มา: https://kku.world/zjtul
การ์กอยล์(Gargoyle) มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า gargouille ซึ่งแปลว่าคอหอย ซึ่งมาจากภาษาละติน gurgulio, gula หรือคำที่มีรากจาก gar ที่แปลว่ากลืน ซึ่งคล้ายเสียงน้ำไหลในท่อ ส่วนคำว่าปนาลี เป็นคำศัพท์ทางสถาปัตยกรรมที่เอาไว้เรียกหินที่สลักเป็นรูปอัปลักษณ์และยื่นออกมาจากอาคารเพื่อใช้เป็นที่ระบายน้ำจากหลังคาไม่ให้น้ำฝนไหลลงมากัดเซาะตัวอาคาร นอกจากประโยชน์ของการ์กอยล์ที่ใช้สำหรับรองน้ำฝนแล้วนั้น การ์กอยล์นั้นยังมีตำนานที่น่าสนใจอีกด้วย
การ์กอยล์ที่มหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่ง ดิฌง
การ์กอยล์ประจำวิหารแห่งชาติ ณ กรุงวอชิงตัน
ตำนานที่มาของชื่อการ์กอยล์นั้นมีหลากหลายตำนาน แต่ตำนานที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ตำนานเก่าแก่ของฝรั่งเศส ตามตำนานกล่าวว่าในช่วงประมาณศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีมังกรไฟตัวหนึ่งนามว่า "ลา การ์กุยย์" ซึ่งเป็นมังกรที่มีนิสัยดุร้าย อาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ริมแม่น้ำแซน (Seine) เจ้ามังกรตัวนี้ได้ยื่นคำขาดให้แก่ผู้คนในหมู่บ้าน ว่าในทุกปี ชาวบ้านจะต้องส่งหญิงบริสุทธิ์มาสังเวยมันทุกปี มิฉะนั้นมันจะพ่นไฟเผาหมู่บ้านให้กลายเป็นกองเพลิงภายในพริบตา ด้วยความกลัวและไม่มีทางเลือก ชาวบ้านจึงต้องส่งหญิงสาวบริสุทธิ์ให้มันในทุกปี หากปีใดไม่สามารถหาสาวบริสุทธิ์ได้ ก็จำเป็นจะต้องส่งนักโทษไปแทน ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำนั้น ทำให้เจ้าลา การ์กุยย์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก มันจึงมาบินวนรอบหมู่บ้านพร้อมกับพ่นไฟและส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ ทำให้ชาวบ้านเสียขวัญและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ลา การ์กุยย์พ่นไฟรอบหมู่บ้าน
จนกระทั่งวันหนึ่งนักบวชนามว่า แซงต์ รูมานีส์(Saint Romanis) ได้เดินทางมายังหมู่บ้านรูออง และได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ว่า หากเขาสามารถปราบเจ้ามังกรลา การ์กุยย์ตัวนี้ได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้เขาหนึ่งหลัง ซึ่งชาวบ้านก็ตกลงรับเงื่อนไข จากนั้นนักบวชจึงมุ่งตรงไปยังถ้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าลา การ์กุยย์ โดยมีเพียงไม้กางเขนและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาก็สามารถปราบเจ้ามังกรตัวนี้ได้ในที่สุด และนำมันกลับมายังหมู่บ้าน สร้างความดีใจและความสงบสุขให้แก่ชาวบ้าน หลังจากที่ต้องหวาดกลัวมังกรร้ายตัวนี้มาโดยตลอด ชาวบ้านจึงได้สร้างโบสถ์ให้กับนักบวช และเพื่อให้มั่นใจว่ามังกรตัวนี้จะไม่สามารถกลัมาทำร้ายใครได้อีก ชาวบ้านจึงมัดและเผามันทั้งเป็น แต่เนื่องจากเจ้าลา การ์กุยย์เป็นมังกรไฟ จึงทำให้ไฟนั้นไม่สามารถเผามันได้ทุกส่วน เหลือไว้เพียงส่วนหัวและคอ ฉะนั้น เมื่อสร้างโบสถ์เสร็จนักบวชแซงต์ รูมานีส์จึงได้แนะนำให้เอาหัวของมันไปประดับไว้กับตัวโบสถ์ เพราะมังกรตัวนี้มีฤทธิ์มาก ดังนั้นมันจะสามารถขับไล่มิให้ภูติผีปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ออกไปได้
Saint Romanis
นับตั้งแต่นั้นมา การนำรูปปั้นหรือรูปสลักตัวประหลาดต่าง ๆ มาประดับตามโบสถ์วิหาร ก็กลายเป็นธรรมเนียนปฏิบัติสืบต่อกันมาของชาวยุโรปและเมื่อชาวยุโรปได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำประติมากรรมประหลาดนี้ไปด้วย ดังนั้น ตามวิหารหรือาคารจำนวนไม่น้อยในสหรัฐอเมริกาจึงประดับด้วยรูปสลักการ์กอยล์
การ์กอยล์บนตึก Chrysler ในมหานครนิวยอร์ก
จะเห็นได้ว่าประติมากรรมการ์กอยล์ได้เริ่มต้นในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการตามรูปแบบของศิลปะโกธิค นอกจากความสวยงามแปลกตาแล้วนั้น ยังเป็นประติมากรรมที่สร้างไว้เป็นประโยชน์แก่สถาปัตยกรรมโบสถ์อาคารวิหาร ซึ่งยังคงไว้ในปัจจุบันเพราะประโยชน์ของประติมากรรมอีกด้วย
อ้างอิง
เรื่องเล่าเขย่าโลก. (2563). เปิดตำนานการ์กอยล์ ผู้พิทักษ์แห่งโบสถ์คริสต์.
สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565,
THEPOco. (2560). เปิดตำนาน "การ์กอยล์" ที่มาของรูปแกะสลักที่อยู่บนวิหารระดับโลก.
สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565, จาก https://www.clipmass.com/story/126040
Thunderbird. (2557). ตำนาน การ์กอยล์ Gargoyle. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565,
Wonderopolis. (2019). What Is a Gargoyle. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565,
Comments
Post a Comment